
หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ “กำเเพงกันคลื่น” ในสื่อบ่อยๆเเละอาจคุ้นตากำเเพงกันคลื่นที่วางตัวตามชายฝั่ง เเต่จริงเเล้วในประเทศไทยนั้นมีโครงสร้างป้องกันชายฝั่งอยู่หลายรูปเเบบที่ถูกนำเอามาใช้เพื่อการป้องกันชายฝั่ง
โครงสร้างป้องกันชายฝั่งในประเทศไทยที่เป็นโครงสร้างเเข็งที่ถูกนำมาใช้อย่างเเพร่หลาย มีอยู่ 3 ประเภทหลัก คือ เขื่อนกันคลื่น กำเเพงกันคลื่น เเละรอดักทราย (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เขื่อนกันคลื่น https://beachforlife.org/blog/21 เเละ กำเเพงกันคลื่น https://beachforlife.org/blog/12)
Beach for life ได้รวบรวมข้อมูลพบว่าโครงสร้างป้องกันชายฝั่ง ทั้ง 3 รูปเเบบ จากการสำรวจด้วย Google Eearth ปี 2565 มีก่อสร้างกระจายอยู่ทั่วทุกพื้นที่ชายฝั่งทะเล โดยมีรายละเอียดดังนี้
กำเเพงกันคลื่น หรือ Saewall เป็นโครงสร้างป้องกันชายฝั่งที่วางตัวติดประชิดชายฝั่ง ขนานกับชายฝั่ง ในประเทศไทยพบว่ามีการก่อสร้างกำเเพงกันคลื่น 530 จุดตลอดเเนวชายฝั่ง เเละโครงสร้างกำเเพงกันคลื่น เป็นโครงสร้างที่ปัจจุบันไม่ถูกกำหนดให้ต้องทำการประเมินผลกระทบสิ่งเเวดล้อม(EIA) ก่อนการดำเนินโครงการ ในช่วงระหว่างที่กำเเพงกันคลื่นไม่ต้องทำ EIA กลุ่ม Beach for life ได้รวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานหลัก 2 กรม คือ กรมโยธาธิการเเละกรมเจ้าท่า พบว่า มีการก่อสร้างกำเเพงกันคลื่นในช่วงการปลดล็อกไม่ต้องทำ EIA จำนวน 125 โครงการ ใช้งบประมาณ 8,400 ล้านบาท (ปี 2558-2566)

เขื่อนกันคลื่น หรือ Breakwater เป็นโครงสร้างป้องกันชายฝั่งที่วางตัวนอกฝั่ง ขนานไปกับชายฝั่ง โดยมักจะวางมีระยะห่างระหว่างกัน ส่วนมากเเล้วเขื่อนกันคลื่นนอกฝั่ง ถูกสร้างโดยกรมเจ้าท่า เป็นหน่วยงานหลัก ในประเทศไทย พบว่า มีการก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นนอกฝั่ง จำนวน 467 ตัว ตลอดเเนวชายฝั่ง จากการรวบรวมข้อมูลจำนวนเขื่อนกันคลื่นพบว่า จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดที่มีเขื่อนกันคลื่นมากที่สุด ปัจจุบันเขื่อนกันคลื่นนอกฝั่งหากจะมีการดำเนินการต้องมีการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งเเวดล้อมก่อนดำเนินการ(EIA)

รอดักทราย,คันดักตะกอน หรือ Groin เป็นโครงสร้างป้องกันชายฝั่งที่วางตัวตั้งฉากกับชายฝั่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดักตะกอนที่เคลื่อนตัวตามเเนวชายฝั่ง ในประเทศไทยพบว่า มีรอดักทรายทั้งสิ้น 93 ตัว โดยมีการก่อสร้างจาก 2 หน่วยงาน คือ กรมเจ้าท่า เเละกรมชลประทาน

โครงสร้างป้องกันชายฝั่ง เป็นโครงสร้างทางวิศวกรรมที่ออกเเบบเพื่อการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง เเต่อย่างไรก็ตามการใช้โครงสร้างป้องกันชายฝั่งเเต่ละรูปเเบบนั้น ย่อมส่งผลกระทบต่อสภาพชายหาด ลักษณะชายหาด ระบบนิเวศวิทยา เเละวิถีชีวิตของชุมชนทั้งสิ้น ทั้งนี้การใช้มาตรการโครงสร้างป้องกันชายฝั่ง จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการศึกษาเเละออกเเบบอย่างรอบครอบ เพื่อให้การใช้โครงโดยโครงสร้างเเต่ละประเภทมีประสิทธิภาพในการป้องกันชายฝั่ง เเละส่งผลกระทบต่อชายหาดน้อยที่สุด
ชวนเพื่อนๆสำรวจโครงสร้างป้องกันชายฝั่งว่าทั้งหมดกระจายอยู่หาดไหนบ้างทางลิงค์นี้ https://beachforlife.org/situation
Author

Beach For Life
แหล่งรวบรวมความรู้และข้อมูลที่เกี่ยวกับชายหาด
บทความวันที่ 15 กรกฎาคม 2567
แบ่งปันสิ่งนี้

การสร้างเขื่อนกันทรายเเละคลื่น(Jetty) ทำให้สมดุลตะกอนทรายชายฝั่งเสียสมดุล การถ่ายเททรายข้ามปากร่องน้ำ เป็นมาตรการลดผลกระทบสิ่งเเวดล้อม เเต่มาตรการนี่ไปไม่ถึงไหน ชวนดูเหตุผลว่าทำไมเราจัดการตะกอนทรายชายฝั่งไม่ได้

โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล พร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่ชายฝั่งหาดมหาราช อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา โครงการนี้ ดำเนินการโดย กรมโยธาธิการและผังเมือง

การกัดเซาะชายฝั่ง เป็นภัยที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติเเละฝีมือของมนุษย์ ประเทศไทยมีชายฝั่ง 3,151 กิโลเมตร เเต่เราไม่เคยรู้เลยว่า ตรงไหนมีความเสี่ยวต่อการกัดเซาะชายฝั่ง บทความนี้จะชวนทุกคนไปทำความเข้าใจ เเผนที่เสี่ยงภัย เเละ การทำเเผนที่เสี่ยงภัยการกัดเซาะชายฝั่งจังหวัดสงขลา ที่ริเริ่มด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน