ก่อนเริ่มเสวนา "แหลมสนอ่อน สงขลา ปรารถนาให้เป็นเเบบไหน ?"
คุณอภิศักดิ์ ทัศนี จากกลุ่ม Beach for life ที่ทำงานในการรักษาพื้นที่เเหลมสนอ่อนร่วมกับสงขลาฟอรั่มเเละภาคประชาสังคมในจังหวัดสงขลามาโดยตลอด ได้ชวนตั้งหลักคิดย้อนมองสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่เเหลมสนอ่อน ทั้งในเเง่กายภาพ ประวัติศาสตร์การเเย่งชิงพื้นที่ เเละธรรมชาติที่คงเหลือไว้ ก่อนจะเสวนาว่าเรามองพื้นที่เเหลมสนอ่อนนี้ควรจะไปในทิศทางไหน
พื้นที่เเหลมสนอ่อน เป็นพื้นที่งอกใหม่เกือบทั้งหมด ในอดีตพื้นที่เเหลมสนอ่อนเป็นพื้นที่เล็กๆ ปลายเเหลม หลังจากการก่อสร้าง Jetty ปากทะเลสาบสงขลา ในปี 2510 เพื่อขัดขวางตะกอนที่ตกลงสู่ปากร่องน้ำทะเลสาบสงขลา การสร้าง Jetty ส่งผลให้เเผ่นดินฝั่งเเหลมสนอ่อนเมืองงอกออกไปเรื่อยๆ โดยมีพื้นที่สะสมตัวปัจจุบันกว่า 700 ไร่
การที่พื้นที่งอกเพิ่มขึ้นทำให้พืชจำพวกสนทะเล ซึ่งเป็นพืชที่โตไวยึดครองพื้นที่เเละงอกกลายเป็นพื้นที่สวนสนที่เต็มไปด้วยสนทะเล เเละพรรณไม้อื่นๆ
ด้วยลักษณะที่ตั้งของเเหลมสนอ่อน ซึ่งเป็นพื้นที่โล่ง สีเขียวกลางเมืองสงขลา ทำให้เกิดความพยายามในการเเย่งชิงเพื่อเข้าใช้พื้นที่ เเละเเนวคิดในการมองพื้นที่เเหลมสนอ่อนที่เเตกต่างกันของผู้บริหารเมืองในเเต่ละยุคสมัย
เเน่นอนว่าในทางผังเมือง พื้นที่เเหลมสนอ่อนทั้งหมดถูกกำหนดให้กลายเป็นพื้นที่สีเขียวอ่อน เพื่อการนันทนาการเเละรักษาคุณภาพสิ่งเเวดล้อม ทำให้การเกิดขึ้นของอาคารเเละสิ่งปลูกสร้างนั้นเป็นไปได้ยากยิ่ง
เเต่อย่างไรก็ตาม ความพยายามในการเข้าใช้พื้นที่เเหลมสนอ่อน ซึ่งถูกมองว่าเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่านั้น ทำให้เกิดการดำเนินโครงการกระเช้าลอยฟ้า โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ในขณะเดียวกัน เทศบาลนครสงขลา โดยคุณพีระ ตันติเศรษณี ก็ดำริโครงการในการอนุรักษ์พื้นที่เเหลมสนอ่อนกลางเมือง ด้วยการเห็นคุณค่าในพื้นที่เเหลมสนอ่อนที่มีความหลากหลายของพรรณไม้ นกเเละเป็นพื้นที่สีเขียวกลางเมืองที่ควรเเก่การเก็บรักษาไว้
ความขัดเเย้งในการมองพื้นที่เเหลมสนอ่อนที่เเตกต่างกัน นำมาสู่การลอบสังหารคุณพีระ ตันติเศรษณี หลังจากนั้นโครงการกระเช้าลอยฟ้าก็ยุติไป เเละก่อเกิดการทำงานของภาคประชาชน ภาคประชาสังคมในการศึกษา เรียนรู้เเละทำข้อมูลเกี่ยวกับเเหลมสนอ่อนในมิติต่างๆอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ถึงเเม้ความขัดเเย้งในการใช้พื้นที่เเหลมสนอ่อนในสมัยคุณพีระ จะหมดลงไป เเต่ความต้องการใช้พื้นที่เเหลมสนอ่อนยังคงมีมาต่อเนื่อง จึงเกิดการขอใช้พื้นที่เเหลมสนอ่อนในการพัฒนาถนน การสร้างอาคารบ้านพักทหารเรือ การขอใช้พื้นที่ก่อสร้างกงสุล การใช้พื้นที่ทำหอประชุมนานาชาติ เเละอื่นๆอีกหลายครั้ง เเต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากทิศทางการพัฒนาพื้นที่ของประชาชนที่มองว่า "ควรเก็บรักษาพื้นที่เเหลมสนอ่อนไว้ "เเละปัญหาข้อจำกัดด้านผังเมืองที่กำหนดให้เป็นพื้นที่เพื่อการนันทนาการเเละรักษาคุณภาพสิ่งเเวดล้อม
ภาคประชาชนสงขลา พยายามที่จะศึกษาเเละทำความเข้าใจเเหลมสนอ่อนด้วยข้อมูลทางวิชาการ เพื่อเก็บรักษาพื้นที่ธรรมชาติกลางเมืองไว้ รวมถึงการฟื้นฟูระบบนิเวศดั้งเดิมของเมืองให้กลับคืนมา โดยได้มีการศึกษาพรรณไม้ในเเหลมสนอ่อน ซึ่งพบว่ามีพรรรณไม้กว่า 180 ชนิด โดยตลอดระยะเวลาการศึกษา 10 ปีที่ผ่านมา พบพรรณพืชท้องถิ่น พืชริมชายหาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น สะหวาด โกงกางหูช้าง สารภีทะเล ชะเมา กล้วยไม้หมูกลิ้ง เป็นต้น
รวมถึงมีการสำรวจพันธุ์ของนกที่เข้ามาอาศัยในพื้นที่เเหลมสนอ่อน พบว่ามีกว่า 64 ชนิด เเละพบนกอพยบ รวมถึงค้างคาวเเม่ไก่ นากทะเล เเละกลุ่มของงูหลากหลายชนิดในเเหลมสนอ่อน
นอกจากการศึกษาพื้นที่เเละความหลากหลายทางชีวภาพเเล้ว ภาคประชาชนยังได้ร่วมกันจัดทำ Beach Zoning โดยมีการเสนอให้พื้นที่เเหลมสนอ่อนเป็นพื้นที่อนุรักษ์กลางเมือง เเละให้มีการควบคุมกิจกรรมในการเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่
ความพยายามในการมองเเหลมสนอ่อนเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ยังคงดำรงอยู่ในสายตาของผู้บริหารบ้านเมืองสงขลาเเละราชการมาโดยตลอด โครงการพัฒนาพื้นที่เเหลมสนอ่อน โดยกรมโยธาธิการเเละผังเมือง ภายใต้งบประมาณ 60,000,000 บาท เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเเละพื้นที่ในเเหลมสนอ่อน คือ หนึ่งในโครงการที่อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่เเละทำให้เกิดการใช้พื้นที่ในส่วนที่ยังคงมีความหลากหลายทางชีวภาพของพืชเเละสัตว์สูง
นายอภิศักดิ์ ทัศนี ได้ชวนตั้งหลักคิดก่อนที่จะพัฒนาพื้นที่เเหลมสนอ่อนว่า ในปัจจุบันฐานคิดของการพัฒนาพื้นที่เเหลมสนอ่อน ถึงเเม้จะไม่ใช้โครงการเเบบตึกหรืออาคารอย่างในอดีตที่ผ่านมา เเต่ก็มองเห็นเเหลมสนอ่อน เป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ต้องทำให้ปลอดภัย ตัดต้นไม้ เอาไม้สวนมาปลูก ซึ่งเมืองสงขลาถูกทำให้พื้นที่ดั้งเดิม พรรณไม้ดั้งเดิมหายไปกลายเป็นสวนไปหลายต่อหลายเเห่งเเล้ว เช่น สนามกอล์ฟเดิม ที่ถูกกลายเป็นสวนต้นปาล์ม ซึ่งไม่สอดคล้องกับสภาพอากาศเเละสภาพเเวดล้อมของสงขลา ต้นไม้ตายบ่อยมาก เเละไถ่พรรณไม้ดังเดิม เช่นหว้า ชะเมา เสม็ดเเดง ไปจนหมดสิ้น
เช่นเดียวกันกับเเหลมสนอ่อน หากเราตั้งหลักคิดให้ดี เราควรจะมองเรื่องการรักษาพื้นที่ธรรมชาติไว้ ฟื้นฟูระบบนิเวศ พรรณไม้ดั้งเดิมให้กลับคืนมา เเละทำให้เเหลมสนอ่อนเป้นพื้นที่ให้บริการทางระบบนิเวศให้เเก่เมือง ไม่ใช้เมืองต้องเอางบไปดูเเลต้นไม้เเปลกปลอมที่ไม่เหมาะสมกับสภาพเเวดล้อมของพื้นที่ ดังนั้น การจะใช้ประโยชน์พื้นที่เเหลมสนอ่อนอย่างยั่งยืน คนสงขลาควรตั้งหลักคิด เเละมองให้รอบด้าน ให้เห็นคุณค่า ประวัติศาสตร์ เเละทิศทางที่เราอยากเห็นต่อพื้นที่นี้ร่วมกัน
Author
Beach For Life
แหล่งรวบรวมความรู้และข้อมูลที่เกี่ยวกับชายหาด
บทความวันที่ 17 ตุลาคม 2568
แบ่งปันสิ่งนี้
โครงสร้างป้องกันชายฝั่ง ที่มีหน้าตาคล้ายๆกับรากโกงกาง ปรากฏหลายพื้นที่ของชายหาด เช่น หาดเเสงจันทร์ หาดสามร้อยยอด ซึ่งเป็นการทอดลองป้องกันชายฝั่งด้วยนวัตกรรมใหม่ Beach for life ชวนทำความรู้จักสิ่งนี้เเละข้อสังเกตในการป้องกันชายฝั่ง
หลายคนสับสน เวลาพบเห็นโครงสร้างป้องกันชายฝั่งที่มีหน้าตาหลากหลายรูปเเบบ Beach for life ชวนรู้จักกำเเพงกันคลื่นเเละผลกระทบของกำเเพงกันคลื่น
มกราคมของทุกปี เป็นช่วงที่ความกดอากาศสูงกำลังแรงปกคลุมประเทศไทย ทำให้ภาคเหนือ และกรุงเทพมหานครมีอากาศหนาวเย็น และเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ทะเลในภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยแปรปรวนและคลื่นลมแรง ซึ่งนับเป็นธรรมชาติของชายหาดและฤดูกาลของทะเลในแถบนี้ ช่วงเวลานี้ อ่าวประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คือ พื้นที่ที่ถูกกล่าวถึงเกี่ยวกับ “คลื่นคลั่ง” หรือ “คลื่นยักษ์” ซึ่งมีความสูงมากถึง 4-5 เมตร ที่ปะทะชายฝั่งและกระโจนข้ามถนนตลอดแนวอ่าวประจวบฯ เกิดอะไรขึ้นทำไมคลื่นจึงคลั่ง ชวนไขคำตอบไปด้วยกัน