จุดเริ่มต้น เมื่อ "เเท่งคดีกรีตจะวางบนหาด"
คดีชายหาดชลาทัศน์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เกิดขึ้นจากการที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาร่วมกับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดสงขลา ดำเนินโครงการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งหาดสมิหลา-ชลาทัศน์ เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2558 โดยมีรูปแบบการดำเนินโครงการ 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ความยาวโครงการ 500 เมตร ประกอบด้วยรอดักทรายรูปตัว I จำนวน 8 ตัว ความยาวตัวละ 48 เมตร ระยะห่าง 60 เมตร พร้อมการเสริมทรายชายฝั่งออกไป 30-50 เมตร และ ระยะที่ 2 ความยาว โครงการ 600 เมตร ประกอบด้วยรอดักทรายรูปตัว I จำนวน 9 ตัว ความยาวตัวละ 48 เมตร ระยะห่าง 60 เมตร พร้อมการเสริมทรายชายฝั่งออกไป 30-50 เมตร

โครงการป้องกันชายฝั่งหาดสมิหลา-ชลาทัศน์ พบว่าเป็นโครงการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากการดำเนินโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นการก่อสร้างรอดักทรายนั้น ต้องดำเนินการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่กำหนดให้รอดักทรายทุกขนาดต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อนการดำเนินโครงการ แต่กลับพบว่าโครงการดังกล่าวไม่ได้ดำเนินการ อีกทั้งยังพบว่า เป็นการดำเนินการที่ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมายที่กำหนดให้ต้องปฏิบัติอีกหลายประการ ทำให้ประชาชนและกลุ่มอนุรักษ์ในพื้นที่จังหวัดสงขลา นำโดยสงขลาฟอรั่ม กลุ่ม Beach for life ร่วมกันคัดค้านโครงการดังกล่าว

ลำดับเหตุการณ์คดีพิพาทชายหาดชลาทัศน์
- เดือนมิถุนายน ทราบข่าวโครงการป้องกันการกัดเซาะชายหาดสมิหลา-ชลาทัศน์ เขตเทศบาลนครสงขลา โดย ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ร่วมกับ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดสงขลา
- 26 มิถุนายน 2558 สภาพลเมืองเยาวชนสงขลา ร่วมกับชมรม Beach for life และกลุ่ม Crescent Moon lawyers ได้ยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อขอให้ระงับโครงการป้องกันการกัดเซาะชายหาดสมิหลา-ชลาทัศน์ เขตเทศบาลนครสงขลา
- กรกฎาคม 2558 กลุ่ม Beach for life ได้ลงพื้นที่และพบเห็นการดูดทราย ซึ่งทรายที่ถูกดูดมานั้นมีตะกอนเล็กกว่าทรายชายหาดเดิม ลักษณะเป็นโคลนปนทรายสีดำออกเทาและมีการดูดทรายมาโดยตลอด กระทั่งเดือนสิงหาคม มีโครงเหล็กสำหรับการหล่อแท่นคอนกรีตเสริมเหล็ก วางอยู่บนพื้นที่ดำเนินงาน และมีการนำแท่นคอนกรีตเสริมเหล็กที่หล่อวางลงชายหาด การใช้มาตรการและรูปแบบโครงสร้างป้องกันชายหาดดังกล่าว

- 20 สิงหาคม 2558 ผู้รับเหมาได้นำเอาแทนคอนกรีต จำนวน 20 แท่นฝั่งลงในใต้ทรายเพื่อดำเนินการก่อสร้านรอดักทราย
- 24 สิงหาคม 2558 สงขลาฟอรั่ม, ชมรม Beach for life, กลุ่ม Crescent Moon lawyers (กลุ่มว่าที่นักกฎหมายอาสาฯ) และกลุ่มประมงพื้นบ้านชุมชนเก้าเส้ง ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองสงขลา ฟ้อง ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ที่ 1, สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสงขลา ที่ 2, กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ 3, กรมเจ้าท่า ที่ 4, และเทศบาลนครสงขลา ที่ 5 เพื่อขอให้ศาลพิพากษาว่าโครงการป้องกันการกัดเซาะชายหาดสมิหลา-ชลาทัศน์ เขตเทศบาลนครสงขลา เป็นโครงการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และให้ปรับสภาพพื้นที่ให้กลับคืนสู่สภาพเดิมและขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน และเดินเผชิญสืบ ศาลได้นัดไต่สวนฉุกเฉินในบ่ายวันนั้น และ กำหนดเดินเผชิญสืบในวันที่ 26 สิงหาคม 2568

- 25 สิงหาคม 2558 เวลา 21.00 น. โดยประมาณ ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ สั่งให้ผู้รับเหมา นำแท่นคอนกรีตจำนวน 20 แท่น 1 แนว ขึ้นจากชายหาดในตอนดึก

- 26 สิงหาคม 2558 ท่านศรัณยู โพธิรัชตางกูร ตุลาการศาลปกครองสงขลา ได้ลงเดินเผชิญสืบร่วมกับผู้ฟ้องและผู้ถูกฟ้อง โดยผู้ฟ้องได้ชี้แจ้งว่า การกัดเซาะชายฝั่งหาดชลาทัศน์เกิดจากการสร้างบ่อสูบน้ำเสีย และรอดักทรายจำนวน 3 ตัว หากดำเนินการก่อสร้างโครงการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งด้วยการวางแท่นคอนกรีตจะส่งผลกระทบต่อชายหาด และการรื้อแท่นคอนกรีตขึ้นในตอนดึก เป็นการพยายามทำลายหลักฐานในชั้นไต่ฉุกเฉินหรือไม่ เนื่องจากผู้ถูกฟ้องชี้แจ้งว่าไม่ได้วางแท่นคอนกรีตลงไปบนชายหาด ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ชี้แจงว่าได้ยกแท่นคอนกรีตเป็นการแสดงให้ศาลเห็นว่าแท่นคอนกรีตสามารถเคลื่อนย้ายได้ หลังจากการลงเดินเผชิญสืบ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาได้ ยอมปรับรูปแบบโครงการไม่ให้ไม่แท่นคอนกรีต และเหลือเพียงการเติมทรายชายหาดแต่เพียงอย่างเดียว

- กันยายน 2558 ผู้ถูกฟ้องได้นำทรายจากแหลมสนอ่อน โดยการขุดและขนถ่ายโดยรถบรรทุกเข้ามาเติมบริเวณชายหาดชลาทัศน์ ระยะทางประมาณ 600 เมตร หลังจากนั้นโครงการดังกล่าวก็ยุติลงไป โดยไม่ทราบว่า ดำเนินการแล้วเสร็จตามสัญญาหรือไม่
- 25 ตุลาคม 2559 ศาลปกครองสงขลา พิพากษาว่าผู้ถูกฟ้องคดีดำเนินการมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งโครงการก่อสร้างทุกอย่างที่ดำเนินการไปนั้นไม่ใช่โครงการ ป้องกันภัยพิบัติ จึงไม่จำเป็นต้องก่อสร้างเร่งด่วน และตัวหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเองก็มีสิทธิ มีเวลาในการระดมความคิดเห็น รวมทั้งมีโอกาสทำรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมก่อน (EIA) แต่ไม่ใครปฏิบัติ

- 18 กุมภาพันธ์ 2568 ศาลปกครองสูงสุด นัดนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก ตุลาการผู้แถลงคดี วินิจฉัยใน 3 ประเด็น และเห็นว่า ถึงแม้โครงการจะเป็นดำเนินการไม่ชอบด้วยกฎหมายมานานแล้ว และวัตถุแห่งคดีสิ้นสุดไปแล้ว การจะบังคับคดีให้กระทำ หรือละเว้นการกระทำดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการเยียวยาความเสียหาย และปัจจุบันข้อเท็จจริงพบว่ายังคงมีปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งจากคลื่นมรสุมอยู่ ซึ่งถูกผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 5 มีหน้าที่ในการปกป้อง รักษา ป้องกันปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ตามที่อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ ตุลาการผู้แถลงคดี เห็นว่า ให้ควรพิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 5 ดำเนินการตามกรอบอำนาจหน้าที่ของตน ภายใน 120 วัน นับแต่วันที่มีคำพิพากษา คำขออื่นให้ยก

ในวันที่ 18 กันยายน 2568 ศาลปกครองสูงสุดกำหนดนัดอ่านผลแห่งคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในโครงการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งหาดสมิหลา-ชลาทัศน์ จังหวัดสงขลา กลุ่ม Beach for life ชวนจับตาและติดตามฟังผลคำพิพากษาแห่งคดีดังกล่าว ถึงแม้ข้อเท็จจริงในคดีจะหมดไปแล้วจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีได้ยุติการดำเนินการวางแท่นคอนกรีตและปรับโครงการเป็นการเสริมทรายในปี 2558 แต่อย่างไรก็ตาม ความพยายามขั้นต้นในการวางรอดักทราย และไม่ละเว้นไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมายได้เกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่ภาคประชาชนคาดหวังและอยากเห็นคือการสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายที่เป็นธรรม และไม่ปล่อยให้เกิดการวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวลเกิดขึ้นในสังคมไทย