มาตรการการรื้อถอนโครงสร้างป้องกันชายฝั่ง เป็นมาตรการที่คนรักทะเลและชายหาดหลายคนอยากเห็นให้เกิดขึ้นจริง กรณีการรื้อถอนรอดักทรายบริเวณชายหาดหน้าพระราชนิเวศน์มฤคทายวันฯ จังหวัดเพชรบุรี จำนวน 3 ตัว จากทั้งหมด 8 ตัวและโครงสร้างป้องกันชายฝั่งรูปแบบอื่นๆ ถือเป็นการรื้อถอนโครงสร้างทางวิศวกรรมชายฝั่งที่แรกของไทย ด้วยความพยามที่จะฟื้นฟูระบบนิเวศชายหาดให้กลับคืนมา
ชายหาดบริเวณหน้าพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ตั้งแต่คลองบังตราใหญ่ ถึง คลองบังตราน้อย มีความยาวชายฝั่ง 1.7 กิโลเมตร โดยตลอดแนวชายหาดเต็มไปด้วยโครงสร้างทางวิศวกรรมชายฝั่ง เช่น รอดักทราย จำนวน 8 ตัว เขื่อนกันคลื่นนอกชายฝั่ง จำนวน 6 ตัว กำแพงกันคลื่นแบบหินเรียงและกำแพงกันคลื่นแบบตั้งตรง นับว่า เป็นพื้นที่ชายฝั่งเล็กๆแต่เต็มไปด้วยโครงสร้างทางวิศวกรรมชายฝั่ง ซึ่งถูกออกแบบและก่อสร้างโดยกรมเจ้าท่า
การก่อสร้างโครงสร้างทางวิศวกรรมต่างๆนานาตลอดแนวชายฝั่งพระราชนิเวศน์มฤคทายวันฯ ทำให้ลักษณะทางกายภาพของชายฝั่งเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต ศาลาลงสรงซึ่งสัมผัสน้ำ กลับถูกป้องกันด้วยโครงสร้างป้องกันชายฝั่งไม่มีโอกาสได้เจอน้ำอีกเลย พันธุ์ไม้พื้นถิ่นหายไป ความสัมพันธ์ระหว่างชายฝั่งและทะเลนั้นเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง ความพยามในการฟื้นฟูชายหาดให้กลับมาสู่สภาพเดิมโดยการรื้อถอนโครงสร้างชายฝั่งทะเลและการอนุรักษ์พันธุ์พืชชายฝั่งและระบบนิเวศดั้งเดิมของพระราชนิเวศน์มฤคทายวันฯ คือความพยามในการฟื้นฟูระบบนิเวศชายฝั่งของประเทศไทย
เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2564 คณะกรรมการนโยบายและแผนบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ได้มีมติที่ประชุมเห็นชอบแนวทางในการฟื้นฟูระบบนิเวศชานฝั่งในพื้นที่พระราชนิเวศน์มฤคทายวันฯ ให้สอดคล้องกับสภาพธรรมชาติ โดยการรื้อถอนรอดักทราย จำนวน 3 ตัว คือ ตัวที่ 3 ตัวที่ 4 และ ตัวที่ 5 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของพระราชนิเวศน์มฤคทายวันฯ ร่วมกับการใช้มาตรการเสริมอื่นๆที่จำเป็น
มติที่ประชุมดังกล่าว ทำให้กรมเจ้าท่า ในฐานะเจ้าของโครงสร้างป้องกันชายฝั่งที่ได้ดำเนินการไป ได้ตั้งของบประมาณ สำหรับการรื้อถอนรอดักทรายจำนวน 3 ตัว ในปีงบประมาณ 2565 และได้ดำเนินการรื้อถอนรอดักทรายอยู่ในปัจจุบัน
ความพยามในการฟื้นฟูชายหาดและระบบนิเวศชายฝั่งทะเล ด้วยมาตรการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มีความจำเป็น หรือ ไม่เหมาะสมต่อชายหาดของพระราชนิเวศน์มฤคทายวันฯ นับเป็นก้าวย่างสำคัญในการฟื้นฟูชายหาดของประเทศไทย เพราะตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเกือบ 20 ปี สังคมไทยคุ้นเคยกับการใช้โครงสร้างทางวิศวกรรมในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งและเอาชนะธรรมชาติ จนเกิดความเสียหายต่อชายหาดในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย บทเรียนของการฟื้นฟูชายหาดพระราชนิเวศน์มฤคทายวันฯ จึงเป็นสิ่งที่สังคมไทยจะต้องร่วมกันเรียนรู้และติดตามร่วมกัน
ติดตามการเปลี่ยนแปลงชายหาดพระราชนิเวศน์มฤคทายวันฯ ร่วมกันได้ผ่าน www.beachwacththailand.net หรือ ท่านใดผ่านไปเที่ยวพระราชนิเวศน์มฤคทายวันฯ สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการติดตามชายหาด โดยการทำ Beach Snap เพื่อเก็บข้อมูลภาพถ่ายการเปลี่ยนแปลงชายหาดร่วมกัน
Author
Beach For Life
แหล่งรวบรวมความรู้และข้อมูลที่เกี่ยวกับชายหาด
บทความวันที่ 15 พฤษภาคม 2568
แบ่งปันสิ่งนี้
7 พฤศจิกายน 2555 เป็นวันที่คุณพีระ ตันติเศรษณี อดีตนายกเทศมนตรีนครสงขลาถูกลอบสังหารกลางเมืองสงขลา ก่อนการจากไปของคุณพีระ ได้ทิ้งเรื่องราว คุณูปการต่อเมืองสงขลา ผ่านสิ่งที่เรียกว่า "สงขลานิเวศนคร" ผ่านมา 12 ปีที่จากไป ชวนรำลึกถึงพีระ ตันติเศรษณีร่วมกัน
กรมชลประทานได้ดำเนินการก่อสร้างโครงสร้างที่เรียกว่า "เขื่อนกันน้ำเซาะ" บริเวณปากคลองหนัง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา โครงการดังกล่าวทำให้เกิดข้อสังเกตว่าอาจเป็นโครงการที่ผิดกฎหมาย เเละ อาจทำให้ชายหาดพังทั้งสทิงพระ
Beach for life เคยได้นำเสนอเรื่องราว “กำแพงกันคลื่นบนชายหาดแตงโม” บนเกาะสุกร จังหวัดตรังไปแล้วครั้งหนึ่ง เรื่องราวของชายหาดที่ไม่มีการกัดเซาะชายฝั่ง แต่กรมโยธาธิการและผังเมืองกลับไปสร้างกำแพงกันคลื่นจำนวน 3 ระยะ ความยาวรวม 1,703 เมตร มูลค่าโครงการกว่า 135.17 ล้านบาท การเกิดขึ้นของกำแพงกันคลื่นทั้ง 3 ระยะ ทำให้เจ้าของที่ดินริมชายหาด ซึ่งปัจจุบันคือไร่แตงโมริมชายหาดที่มีชื่อเสียงของเกาะสุกร ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อปกป้องชายหาดผืนนั้นจากกำแพงกันคลื่น