กระแส “ทวงคืนชายหาด” หรือ #คืนหาดให้สาธารณะ กำลังมาแรงจากกรณีที่ฝรั่งเตะหมอ หาดแหลมยามู จังหวัดภูเก็ต ทำให้เกิดกระเเสสาธารณะออกมาทวงคืนชายหาดเเหลมยามูจากวิลล่าหรูที่ฝรั่งเตะหมอ มาสู่ชายหาดอื่นๆในจังหวัดภูเก็ต รวมถึงหาดปากบารา จังหวัดสตูล ที่เกิดกรณีพิพาทเอกชนอ้างสิทธิ์ในที่ดิน นส.3ก จำนวน 4 แปลง บนชายหาดปากบารา เอกชนอ้างว่าพื้นที่ชายหาด ดังกล่าวมีสภาพเป็นที่ดินและสามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้ นส.3ก ได้ รวมถึงมีหน่วยงานต่างๆในระดับจังหวัดสตูล ทั้งที่ดินจังหวัดสตูล ท้องถิ่น เเละสำนักงานเจ้าท่าส่วนภูมิภาคสาขาสตูล ออกมาตอบว่า ที่ดินดังกล่าวนั้นมีสภาพเป็นที่ดิน มีการหวงกัน
ล่าสุด กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตอบกลับหนังสือกลุ่ม Beach for life ตามที่ร้องเรียนให้กรมทรัพยากรทางทะเลเเละชายฝั่งตรวจสอบ จากการตรวจสอบกรมทรัพยากรทางทะเลเเละชายฝั่งระบุว่า
พื้นที่ร้องเรียนมีเอกสารสิทธิ์ น.ส3 ก เลขที่ 1772 ออกเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งเปลี่ยนจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส 3 เลขที่ 199 ในวันเดียวกันมีการแบ่งแอกออกเป็น น.ส.3 ก เลขที่ 1773,1774,1775 และ 1776 โดย น.ส.3 นั้นอ้างอิงแบบอ้างการครอบครองที่ดิน(สค.1)
ดังนั้นที่ดินพิพาทดังกล่าว จึงมีสภาพเป็นชายหาดโดยถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนกลายเป็นชายทะเลเป็นเวลา 47 ปี ตั้งแต่ปี 2518
จากข้อเท็จจริงของกรมทรัพยากรทางทะเลเเละชายฝั่งที่ได้เเปลภาพถ่ายทางอากาศบริเวณที่ดินเเปลงที่พิพาทเเละพบว่ามีสภาพเป็นชายหาดไม่ปรากฎการทำประโยชน์นั้น จึงมีการทำหนังสือส่งไปยังกรมที่ดินเเละกรมเจ้าท่า เพื่อพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
เมื่อข้อเท็จจริงใหม่ ปรากฏว่า ที่ดินริมชายหาดปากบาราที่เอกชนอ้างสิทธิ์ นส.3 ก. ซึ่งทำการออกโดยเจ้าพนักที่ดินจังหวัดสตูล สาขาละงู เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 นั้น มีสภาพเป็นชายหาด ไม่มีการทำประโยชน์มา 47 ปีแล้วนั้น ซึ่งสอดคล้องกับบันทึกของเจ้าพนักงานรังวัดที่ดินที่ระบุในบันทึกข้อความรังวัดว่า “มีสภาพเป็นชายหาด น้ำทะเลท่วมถึง ไม่ปรากฎการทำประโยชน์ และมีการคัดค้านการรังวัดโดยผู้ใหญ่บ้าน”นั้น ทำให้เกิดคำถามว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวนั้น ออกเอกสารสิทธิ์ได้อย่างไร ?
สังคมต้องช่วยกันจี้ถาม กรมที่ดินว่าเอกสารสิทธิ์ดังกล่าวออกมาได้อย่างไร ?
Author
Beach For Life
แหล่งรวบรวมความรู้และข้อมูลที่เกี่ยวกับชายหาด
บทความวันที่ 15 มิถุนายน 2567
แบ่งปันสิ่งนี้
Beach for life เคยได้นำเสนอเรื่องราว “กำแพงกันคลื่นบนชายหาดแตงโม” บนเกาะสุกร จังหวัดตรังไปแล้วครั้งหนึ่ง เรื่องราวของชายหาดที่ไม่มีการกัดเซาะชายฝั่ง แต่กรมโยธาธิการและผังเมืองกลับไปสร้างกำแพงกันคลื่นจำนวน 3 ระยะ ความยาวรวม 1,703 เมตร มูลค่าโครงการกว่า 135.17 ล้านบาท การเกิดขึ้นของกำแพงกันคลื่นทั้ง 3 ระยะ ทำให้เจ้าของที่ดินริมชายหาด ซึ่งปัจจุบันคือไร่แตงโมริมชายหาดที่มีชื่อเสียงของเกาะสุกร ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อปกป้องชายหาดผืนนั้นจากกำแพงกันคลื่น
โครงการท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด ท่าเรือขนาดใหญ่ที่มีการถมทะเล ทำให้เกิดการเปลี่ยนเเปลงของชายฝั่งตลอดเเนวชายหาดสุชาดา หาดเเสงจันทร์ ถึงหาดปากน้ำระยอง ชวนสำรวจผลกระทบจากการกัดเซาะชายฝั่งที่เกิดขึ้นจากท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด
การต่อสู้ของประชาชนม่วงงามเพื่อยกเลิกโครงการกำเเพงกันคลื่นในช่วงปี 2563 จนทำให้ศาลปกครองสงขลาพิพากษาให้กรมโยธาธิการเเละผังเมือง ยกเลิกโครงการกำเพงกันคลื่นหาดม่วงงามทุกระยะโครงการ รื้อถอนเสาเข็ม เเละฟื้นฟูชายหาดม่วงงาม