มกราคมของทุกปี เป็นช่วงที่ความกดอากาศสูงกำลังแรงปกคลุมประเทศไทย ทำให้ภาคเหนือ และกรุงเทพมหานครมีอากาศหนาวเย็น และเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ทะเลในภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยแปรปรวนและคลื่นลมแรง ซึ่งนับเป็นธรรมชาติของชายหาดและฤดูกาลของทะเลในแถบนี้
ช่วงเวลานี้ อ่าวประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คือ พื้นที่ที่ถูกกล่าวถึงเกี่ยวกับ “คลื่นคลั่ง” หรือ “คลื่นยักษ์” ซึ่งมีความสูงมากถึง 4-5 เมตร ที่ปะทะชายฝั่งและกระโจนข้ามถนนตลอดแนวอ่าวประจวบฯ
อ่าวประจวบฯ เคยมีชายหาดกว้าง แต่เมื่อมีการก่อสร้างกำแพงกันคลื่นแนวดิ่ง เพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งตลอดแนวอ่าวประจวบฯ ความยาว 2.429 กิโลเมตร โดยสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในปี 2549 ทำให้ชายหาดค่อยๆ ถูกคลื่นตะกุยทรายด้านหน้ากำแพงกันคลื่นออกไป โดยปกติเมื่อคลื่นเคลื่อนที่จากเขตน้ำลึกเข้าสู่เขตน้ำตื้น คลื่นจะสูญเสียพลังงานไประหว่างการเคลื่อนที่ เนื่องจากแรงเสียดทานของพื้นทราย คลื่นจึงยกตัวขึ้นก่อนจะสลายตัวบริเวณชายหาด แต่เมื่อมีโครงสร้างที่แข็งและสูงชันมาขวางกั้น คลื่นที่ซัดเข้ากับโครงสร้างทึบจะเกิดการสะท้อนกลับ ทำให้ตะกอนที่ฐานของโครงสร้างนั้นถูกกัดเซาะออกไป (Toe scoring) รวมถึงหาดทรายด้านหน้าโครงสร้างด้วย โดยจะส่งผลให้คลื่นไม่สามารถสลายพลังงานได้ดีพอ เป็นเหตุให้คลื่นบริเวณหน้าโครงสร้างหรือกำแพงกันคลื่นนั้นรุนแรงมากขึ้น และเมื่อคลื่นปะทะกับกำแพง คลื่นที่ยังคงมีพลังงานเหลืออยู่จะสะท้อนออกไปรวมกับคลื่นที่วิ่งเข้ามาใหม่ และซัดเข้าปะทะอย่างรุนแรงกับกำแพงซ้ำอีก ทำให้เราได้เห็นคลื่นยักษ์ซัดข้ามกำแพงเข้ามาในแผ่นดิน ยิ่งเป็นกำแพงแนวดิ่งที่มีลักษณะตั้งตรงทำให้คลื่นยิ่งปะทะรุนแรงขึ้น ดังที่ปรากฏว่ามีคลื่นยักษ์เกิดขึ้นบ่อยครั้งในพื้นที่อ่าวประจวบฯ เป็นเพราะสาเหตุดังที่กล่าวมา ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้มีสาเหตุหลักมาจากน้ำแข็งขั้วโลกละลายหรือระดับน้ำทะเลสูงขึ้นแต่อย่างใดมที่มีการกล่าวอ้างกัน แต่เป็นเพราะกำแพงกันคลื่นที่ทำให้พฤติกรรมของคลื่นนั้นเปลี่ยนแปลงไป
แต่ใช่ว่า ทุกพื้นที่ของอ่าวประจวบฯ จะมีคลื่นยักษ์ที่เกิดขึ้น บริเวณสุดถนนเลียบชายฝั่งทะเลไปทางกองบิน 5 ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดกำแพงกันคลื่นแนวดิ่ง บริเวณดังกล่าวนั้นยังคงเป็นชายหาด กลับไม่ปรากฏเหตุการณ์คลื่นปะทะกำแพงจนกลายเป็นคลื่นยักษ์อย่างบริเวณชายหาดที่มีกำแพงกันคลื่นแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่อยู่ในอ่าวเดียวกัน ต่างกันเพียงแค่มีชายหาดและไม่มีชายหาด ชายหาดผืนเล็กๆตรงนี้ยังคงคอยดูดซับพลังงานของคลื่นที่เข้ามาสู่ชายหาดได้ดี และจะเป็นเช่นนี้ตราบที่บริเวณนี้ยังคงสภาพเป็นหาดทราย
Author
Beach For Life
แหล่งรวบรวมความรู้และข้อมูลที่เกี่ยวกับชายหาด
บทความวันที่ 29 กรกฎาคม 2567
แบ่งปันสิ่งนี้
การเกิดขึ้นของกำแพงกันคลื่นหาดแก้วมาพร้อมกับการกล่าวอ้างว่า หาดแก้วแห่งนี้เป็นชายหาดท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดสงขลา กำลังเกิดการกัดเซาะชายฝั่งในระดับที่รุนแรงกว่า 5-6 เมตรต่อปี จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสร้างกำแพงกันคลื่น เเต่ท้ายที่สุดหาดเเก้วกลับพังไม่เหลือสภาพชายหาด
การกัดเซาะชายฝั่ง เป็นภัยที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติเเละฝีมือของมนุษย์ ประเทศไทยมีชายฝั่ง 3,151 กิโลเมตร เเต่เราไม่เคยรู้เลยว่า ตรงไหนมีความเสี่ยวต่อการกัดเซาะชายฝั่ง บทความนี้จะชวนทุกคนไปทำความเข้าใจ เเผนที่เสี่ยงภัย เเละ การทำเเผนที่เสี่ยงภัยการกัดเซาะชายฝั่งจังหวัดสงขลา ที่ริเริ่มด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน
การเติมทรายชายหาด Beach Nourishment ใครต่อใครก็บอกว่าเป็นมาตรการที่เป็นมิตรกับชายหาดมากที่สุดในบรรดาโครงสร้างทางวิศวกรรมป้องกันชายฝั่ง Beach for life ชวนมารู้จักมาตรการเติมทรายไปด้วยกัน