สำนักงานนโยบายเเละเเผนการขนส่งเเละจราจร(สนข) ได้จัดทำร่างรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งเเวดล้อมเเละสุขภาพ(EHIA) ในโครงการท่าเรือน้ำลึกเเลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง โดยได้การศึกษา EHIA ออกเป็น 2 โครงการ ได้เเก่ ท่าเรือน้ำลึกเเหลมริ่ว จังหวัดชุมพร เเละท่าเรือน้ำลึกเเหลมอ่าวอ่าง จังหวัดระนอง เเละประกาศเผยเเพร่ร่างรายงาน 15 วันก่อนการรับฟังความคิดเห็นประชาชน ครั้งที่ 3 ในวันที่ 5-6 สิงหาคม 2568
ภายหลังการเผยเเพร่ร่างรายงาน EHIA ท่าเรือน้ำลึกทั้งสองเล่ม ในวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ทางเว็บไซต์ กลุ่ม Beach for life ได้ร่วมกับเครือข่ายนักวิชาการหลากหลายสาขาระดมกันอ่านร่างรายงานดังกล่าวเเละจัดเวทีวิพากษ์ "ร่างรายงาน EHIA ท่าเรือน้ำลึกเเลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง"
พื้นที่ทะเลฝั่งอันดามัน ตอนเหนือตั้งแต่พังงา ขึ้นมาถึงระนอง ควรจะเป็นพื้นที่มรดกโลกทางทะเลและนิเวศวิทยา ซึ่งเรื่องนี้นักวิชาการเริ่มเสนอมาตั้งแต่ปี 2547 ด้วยลักษณะทางกายภาพและนิเวศวิทยา ตั้งแต่ลำน้ำกระบุรีลงมาที่มีหมู่เกาะต่างๆ มีระบบนิเวศทางทะเลทุกแบบ เช่น ป่าชายเลน ปะการัง หญ้าทะเลและป่าชายหาด บริเวณลำน้ำกระบุรีลงมาถึงแม่น้ำกะเปอร์ เป็นเอสซูรี่ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นระบบนิเวศทางทะเลเขตร้อนที่สำคัญของโลก อีกทั้งบริเวณชายหาดบางเบน หาดอ่าวเคย ซึ่งเป็นแหล่งวางไข่ของเต่ามะเฟือง
ปี 2564 รัฐบาลได้ส่งเอกสารความสำคัญและคุณค่าอันหลากหลายในการของขึ้นทะเบียนในพื้นที่ 6 อุทยานไทยในฝั่งทะเลอันดามันเหนือ เป็นมรดกโลก ต่อมายูเนสโกได้รับเรื่องไว้และเตรียมเอกสารแล้วเสร็จ แต่อก็ถูกชะงักไปเพราะด้วยการเสนอโครงการแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง
พื้นที่ที่จะดำเนินโครงการเเลนด์บริดจ์ ซึ่งซ้อนทับกับพื้นที่ที่เสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลก เเต่กลับไม่อยู่ในการประเมินของร่างรายงาน EHIA ว่าจะกระทบต่อระบบนิเวศที่สำคัญอย่างไร ซึ่งนี่คือปัญหาในร่างรายงานฉบับนี้
เเน่นอนว่า เมื่อพื้นที่บริเวณที่จำมีการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกเเลนด์บริดจ์ฝั่งระนอง บริเวณเเหลมอ่าวอ่าง ซึ่งอยู่ในพื้นที่เสนอมรดกโลก เเละปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ใกล้เเรมซาไซต์ มันต้องมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง ถึงควรค่าเเก่การเสนอมรดกโลก เเต่ในร่างรายงาน EHIA กลับผมความหลากหลายทางชีสภาพในพื้นที่ต่ำมาก โดยเฉพาะสัตว์หน้าดิน
อาจารย์ศักดิ์อนันต์ กล่าวต่อว่า การอ่านร่างรายงาน EHIA ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบหน้าหนึ่งในพื้นที่ฝั่งระนอง ซึ่งมีความน่าสนใจมากเเละผมตั้งคำถามต่อข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพในรายงาน EHIA โดยเฉพาะประเด็นสัตว์หน้าดิน ซึ่งผลการวิเคราะห์สัตว์หน้าดินในพื้นที่โครงการ พบมีสัตว์หน้าดิน 1 ชนิด 7 ตัวต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร ถือว่าน้อยมาก มีความหลากหลายทางชีวภาพต่ำ ซึ่งไม่น่าจะตรงกับความเป็นจริง
ในขณะที่มีการศึกษาของหน่วยงานอื่นที่ผ่านมา ในพื้นที่อุทยานแห่งชาตอแหลมสน จังหวัดระนอง ซึ่งอยู่ห่างเพียงไม่ถึง 1 กิโลเมตรจากโครงการ ซึ่งมีการพบความหลากหลายทางชีวภาพสูง
การสำรวจสัตว์หน้าดินเเละความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่อ่าวอ่าง อุทยานเเห่งชาติเเหลมสน โดยคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร่วมกับกรมอุทยานเเห่งชาติสัตว์ป่าเเละพันธุ์พืช พบว่า พบสัตว์ทะเลหน้าดินทั้งสิ้น 12 ไฟลัม 480 ชนิด ความหนาแน่นเฉลี่ยในแต่ละสถานีอยู่ในช่วง 276.66±55.08 – 2,360.00±725.47 ตัวต่อตารางเมตร
เเต่ในรายงาน EHIA กลับพบว่ามีสัตว์หน้าดิน 1 ชนิด 7 ตัวต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร การศึกษาด้านนิเวศวิทยาทางทะเลจากรายงาน EHIA กำลังบ่งบอกว่า บริเวณอ่าวอ่าง จ.ระนอง ความอุดมสมบรณ์ต่ำมาก ไม่มีคุณค่าใดๆ ซึ่งขัดแย้งกับการศึกษาที่ผ่านมาที่บอกว่าบริเวณนี้ มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง มีคุณค่าต่อการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
ไม่เพียงเเค่พื้นที่ฝั่งระนอง ที่ในร่างรายงาน EHIA ท่าเรือน้ำลึกเเหลมริ่ว จังหวัดชุมพร ก็พยาพยามทำให้เห็นว่า "ความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ที่จกลายเป็นท่าเรือน้ำลึกนั้นมีความหลากหลายต่ำ พูดง่ายๆว่า เป็นทะเลร้าง"
รายงาน EHIA โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือ ตามโครงการ Land bridge ที่แหลมริ่ว ฝั่งชุมพรรายงานว่า มีหลายสถานี พบสัตว์ทะเลหน้าดินแค่ชนิดเดียว ดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพเป็น 0 สถานีอื่นๆ ก็น้อยเช่นกัน ความหลากหลายทางชีวภาพต่ำมาก ซึ่งดูเหมือนอยากจะสื่อว่า พื้นทะเลตรงที่จะสร้างท่าเรือ เป็นทะเลร้าง คุณภาพดินพื้นทะเลแย่มาก
เช่นเดียวกับพื้นที่ที่พยายามจะเเสดงให้เห็นว่าเป็นทะเลร้าง ไม่มีสัตว์หน้าดิน กรีนพีซได้ร่วมกับผมลงพื้นที่เก็บสัตว์หน้าดินบริเวณทะเลชุมพร จากปะทิว ไล่ลงมา พบว่ามีความหลากหลายของสัตว์หน้าดินสูงกว่าในร่างรายงาน EHIA
ข้อมูลการสำรวจสัตว์หน้าดินโดยกรีนพีซ ร่วมกับชุมชนชายฝั่งบริเวณชายฝั่งปะทิว ถึง สะพลี พบว่า มีความหลากหลายทางชีวภาพของสัตว์หน้าดินสูงมาก พบสัตว์ทะเลหน้าดิน 242 ชนิด มีความชุกชุมเฉลี่ย 533 ± 527 ตัวต่อตารางเมตร
ภายหลังการวิพากษ์ร่างรายงาน EHIA ท่าเรือน้ำลึกระนอง-ชุมพร ฉบับดังกล่าว ที่ถูกตั้งคำถามถึงข้อมูลที่มั่ว เเละ ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในอดีตที่ผ่านมา ตลอดถึงความบกพร่องในการศึกษาหลายประการ เเละมีข้อเรียกร้องจาก 74 นักวิชาการที่มีจดหมายเปิดผนึกถึง สำนักงานนโยบายเเละเเผนการขนส่งเเละจราจร(สนข.) ให้ยุติเวที ค.3 เเละนำร่างรายงานทั้งสองฉบับกลับไปศึกษาใหม่ เเต่ สนข. กลับเดินหน้าจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 3 ต่อไปจนเเล้วเสร็จ ท่ามกลางเสียงคัดค้านถึง ร่างรายงานที่นำมารับฟังความเห็นว่าผิดพลาดคาดเคลื่อน
Author
Beach For Life
แหล่งรวบรวมความรู้และข้อมูลที่เกี่ยวกับชายหาด
บทความวันที่ 10 สิงหาคม 2568
แบ่งปันสิ่งนี้
ย้อนไปเมื่อปี 2537 เรือ Genar-II เกยหาดชลาทัศน์ จังหวัดสงขลา การเกยตื้นของเรือในครั้งนั้นทำให้ชายหาดชลาทัศน์เปลี่ยนเเปลงไปอย่างน่าสนใจ เพราะเรือทำตัวเป็นเหมือน "รอดักทราย" ชายหาดที่มีเรือมาเกยตื้นกว่า 2 ปีจะเป็นอย่างไร ชวนติดตามอ่านด้วยกัน
กำแพงกันคลื่นหาดท่าบอน จังหวัดสงขลา โดยกรมเจ้าท่า ความยาวกว่า 5 กิโลเมตร กลายเป็นมรดกบาปที่หน่วยงานรัฐทิ้งไว้ให้กับชุมชน เเละผลกระทบจากการกัดเซาะชายฝั่งที่ทำให้พื้นที่ด้านหลังกำเเพงกันคลื่นพังเสียหาย บ้านเรือนกว่าร้อยหลังคาเรือนได้รับผลกระทบจากกำแพงกันคลื่น
7 พฤศจิกายน 2555 เป็นวันที่คุณพีระ ตันติเศรษณี อดีตนายกเทศมนตรีนครสงขลาถูกลอบสังหารกลางเมืองสงขลา ก่อนการจากไปของคุณพีระ ได้ทิ้งเรื่องราว คุณูปการต่อเมืองสงขลา ผ่านสิ่งที่เรียกว่า "สงขลานิเวศนคร" ผ่านมา 12 ปีที่จากไป ชวนรำลึกถึงพีระ ตันติเศรษณีร่วมกัน