หายนะสิ่งเเวดล้อมภายใต้ พ.ร.บ EEC ก่อนโคลนนิ่งมาเป็น พ.ร.บ SEC

Picture of Beach

หายนะสิ่งเเวดล้อมภายใต้ พ.ร.บ EEC ก่อนโคลนนิ่งมาเป็น พ.ร.บ SEC

  • 25 มกราคม 2565 เกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเลที่มาบตาพุด จ.ระยอง
  • 3 กันยายน 2566 เกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเลที่ศรีราชา จ.ชลบุรี
  • 6 เมษายน 2567 พบกากแคดเมียมกว่า 7,000 ตัน ซุกโกดังที่ชลบุรี
  • 22 เมษายน 2567 เกิดเหตุไฟไหม้โกดังเก็บกากของเสียอุตสาหกรรมและสารเคมีอันตรายในพื้นที่โรงงานวิน โพรเสส จ.ระยอง
  • 30 มิถุนายน 2567 มีการสั่งปิดปรับปรุงโรงงานในฉะเชิงเทรา หลังพบปล่อยมลพิษสู่อากาศเกินมาตรฐานหลายเท่า

และอีกหลายเหตุการณ์ปัญหาทางสิ่งเเวดล้อม มลพิษที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ระยอง เเละ ฉะเชิงเทรา ภายหลังการรบังคับใช้กฎหมายพระราชบัญญัติระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ 2561 ซึ่งประกาศให้พื้นที่ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา เป็นพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษ(EEC)

ปัญหาทางสิ่งแวดล้อมดังที่ได้กล่าวมาและอีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึงได้ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดในพื้นที่ EEC อันเป็นผลจาก พ.ร.บ EEC ที่รวบอำนาจ ละเว้นกฎหมายปกติ และ หย่อนยานกระบวนการควบคุมและตรวจสอบเอกชนที่เข้ามาดำเนินการในพื้นที่ EEC

ผังเมืองEECต้นตอหายนะสิ่งแวดล้อม

การแก้ไขผังเมืองเดิม เป็นผังเมือง EEC ที่ใช้อำนาจของ พ.ร.บ. EEC ในการละเว้นกฎหมายผังเมืองเดิม และออกประกาศผังเมืองใหม่ ที่ไม่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมภูมิประเทศ ระบบนิเวศ และวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ เอื้อประโยชน์ในการพัฒนาอตุสาหกรรมในพื้นที่ EEC คือ ฉนวนสำคัญที่ทำให้สถานการณ์สิ่งแวดล้อมในพื้นที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม เนื่องจากผังเมือง EEC เปลี่ยนที่ดินสำหรับเกษตรกรรมให้กลายเป็นที่ดินประเภทชุมชนชนบท (เขตสีเหลืองอ่อน) และที่ดินประเภทที่พระราชกฤษฎีกากำหนดให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน (เขตสีเหลืองมีเส้นทแยงสีเขียว) โดยที่ดินทั้งสองประเภทนี้สามารถตั้งโรงงานอุตสาหกรรมได้เกือบทุกชนิด ยกเว้นอุตสาหกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ นับเป็นเพียง 8 ประเภท จากทั้งหมด 107 ประเภท

2.jpg

นอกจากนั้น ผังเมือง EEC ยังมีข้อกำหนดที่เปิดกว้างให้ประกอบโรงงานกำจัดขยะและโรงงานรีไซเคิลขยะได้ในเกือบทุกพื้นที่ แม้แต่บนที่ดินประเภทส่งเสริมเกษตรกรรม และที่ดินประเภทชุมชนชนบท ข้อมูลสถิติปี 2560-2564 โดยมูลนิธิบูรณะนิเวศ พบว่า ในประเทศไทยมีการลักลอบทิ้งน้ำเสียและกากอุตสาหกรรมทั้งสิ้น 280 ครั้ง โดยจุดที่มีการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมหนาแน่นคือพื้นที่จังหวัดอีอีซีและจังหวัดใกล้เคียง

ด้วยข้อกำหนดผังเมือง EEC ที่เอื้อประโยชน์ในการพัฒนาอุตสาหกรรม โดยไม่คำนึงถึงระบบนิเวศ คุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ EEC จึงทำให้การลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมกลายเป็นคู่เวรคู่กรรมของคนภาคตะวันออกที่ต้องเผชิญและแบกรับปัญหามลพิษ จากการบังคับใช้ พ.ร.บ. EEC

3.jpg

น้ำมันรั่ว หายนะทางทะเลที่ยากจะเยียวยา

กรณีน้ำมั่วรั่ว มีเหตุการณ์ใหญ่สำคัญ 2 ครั้ง คือ น้ำมันดิบของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) รั่วไหลที่จุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล ตำบลมาบตาพุด จังหวัดระยอง 25 มกราคม 2565 และเหตุการณ์น้ำมันดิบของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) รั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ในวันที่ 3 กันยายน 2566 จากกรณีน้ำมันรั่วไหลในจังหวัดระยอง ประชาชนในพื้นที่ต้องรวมตัวกันฟ้องคดีกันเอง โดยไม่ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ และการชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบนั้นไม่ครอบคลุมประชาชนทั้งหมด

1.jpg

บทเรียนจากการบังคับใช้ พ.ร.บ EEC

บทเรียนจากการบังคับใช้ พ.ร.บ. EEC สะท้อนให้เห็นว่ากฎหมายฉบับนี้มุ่งเน้นการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรมโดยใช้กลไกทางกฎหมายจาก พ.ร.บ. EEC เพื่อเอื้อประโยชน์ในการพัฒนาอุตสาหกรรม อาทิ การแก้ไขผังเมืองเดิมเป็นผังเมือง EEC การละเว้นกฎหมายปกติในกระบวนการตรวจสอบ ควบคุมผลกระทบสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ซึ่งผลของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายที่มุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมในทิศทางเดียว ทำให้ปัญหาสิ่งแวดล้อมนั้นทวีความรุนแรงมากขึ้น สะท้อนผ่าน เหตุน้ำมั่นรั่วไหลครั้งใหญ่ 2 ครั้ง การลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมซึ่งเป็นผลจากการแก้ไขผังเมืองให้เกิดอุตสาหกรรมในพื้นที่ได้โดยง่าย และการควบคุมผลกระทบสิ่งแวดล้อมในกิจการที่ต้องทำ EIA และ EHIA การมีกฎหมาย อย่าง พ.ร.บ. EEC ที่สร้างระบบยกเว้นกฎหมาย การรวบอำนาจ การตรวจสอบที่มีปัญหาจนเรียกได้ว่าหย่อนยานนั้น ทำให้เกิดคำถามว่าหาก พ.ร.บ EEC ถูกโคลนนิ่งมาเป็น พ.ร.บ. SEC ที่กำลังจะถูกผลักดันให้เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้จะก่อให้เกิดหายนะทางสิ่งแวดล้อมแบบที่ EEC เคยเกิดขึ้นหรือไม่ และ คงเป็นคำถามตัวโตว่า การพัฒนาภาคใต้ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เราจะนำพาผู้คน ทรัพยากรที่สมบูรณ์นี้ไปเดินซ้ำรอยหายนะทางสิ่แงดล้อมแบบบภาคตะวันออกอย่างนั้นหรือ ?

.

อ้างอิงข้อมูล

[1] ในน้ำมีมลทิน ในดินมีสารพิษ: โครงการ EEC ฝันร้ายของคนภาคตะวันออก? https://www.the101.world/eec/

[2] บทวิเคราะห์ ร่าง พ.ร.บ. SEC ในหนังสือ Land bridge Effect ผลกระทบท่าเรือน้ำลึกแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง โดย ผศ.สุทธิชัย งามชื่นสุวรรณ เเละ อธิวัฒน์ เส้งคุ่ย

[3] สมนึก จงมีวศิน และพรพนา ก๊วยเจริญ, บทเรียนการพัฒนาผ่านแนวนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษในประเทศไทย กรณีศึกษาการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก, 2567

Author

authorPhoto

Beach For Life

แหล่งรวบรวมความรู้และข้อมูลที่เกี่ยวกับชายหาด

แบ่งปันสิ่งนี้

โพสต์ที่แนะนำ

blog thumbnail
4 พฤษภาคม 2567

โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล พร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่ชายฝั่งหาดมหาราช อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา โครงการนี้ ดำเนินการโดย กรมโยธาธิการและผังเมือง

อ่านเพิ่มเติม...
blog thumbnail
26 กรกฎาคม 2567

Beach for life เคยได้นำเสนอเรื่องราว “กำแพงกันคลื่นบนชายหาดแตงโม” บนเกาะสุกร จังหวัดตรังไปแล้วครั้งหนึ่ง เรื่องราวของชายหาดที่ไม่มีการกัดเซาะชายฝั่ง แต่กรมโยธาธิการและผังเมืองกลับไปสร้างกำแพงกันคลื่นจำนวน 3 ระยะ ความยาวรวม 1,703 เมตร มูลค่าโครงการกว่า 135.17 ล้านบาท การเกิดขึ้นของกำแพงกันคลื่นทั้ง 3 ระยะ ทำให้เจ้าของที่ดินริมชายหาด ซึ่งปัจจุบันคือไร่แตงโมริมชายหาดที่มีชื่อเสียงของเกาะสุกร ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อปกป้องชายหาดผืนนั้นจากกำแพงกันคลื่น

อ่านเพิ่มเติม...
blog thumbnail
15 มิถุนายน 2567

เปิดข้อเท็จจริงใหม่ที่ทำให้การอ้างสิทธิ์บนชายหาดปากบารา จังหวัดสตูลของเอกชนรายหนึ่งนั้นอาจทำไม่ได้ เเละกรมที่ดินไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินได้ ข้อเท็จจริงใหม่นั้นคืออะไร ชวนหาคำตอบกับ Beach for life

อ่านเพิ่มเติม...