
ช่วงประมาณปี 2563 ประชาชนม่วงงามได้เคลื่อนไหวเรียกร้องให้ยุติโครงการกำเเพงกันคลื่นหาดม่วงงาม อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ดำเนินการโดยกรมโยธาธิการเเละผังเมือง ความยาวเกือบ 2 กิโลเมตร งบประมาณกว่า 200 ล้านบาท
จนท้ายที่สุดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ศาลปกครองสงขลามีคำพิพากษายกเลิกโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลพร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์ในพื้นที่ชายฝั่ง หมู่ที่ 7 ตำบลม่วงงาม อำเภอสิงหนคร และโครงการในระยะที่ 2 ครอบคลุมพื้นที่ชายฝั่งหมู่ที่ 7, 8 และ 9 ตำบลม่วงงาม อำเภอสิงหนคร พร้อมทั้งให้ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ได้ก่อสร้างไปแล้ว และฟื้นฟูสภาพชายหาดม่วงงามให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติ ภายใน 60 วัน หลังคำพิพากษาถึงที่สุด
ต่อมากรมโยธาธิการเเละผังเมืองไม่ประสงค์อุทธรณ์คำพิพากษา ทำให้คำพิพากษาถึงที่สุด นำมาสู่การที่กรมโยธาธิการเเละผังเมือง ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครอง กรมโยธาธิการเเละผังเมือง ได้อาศัยอำนาจจังหวัดสงขลา ในการตั้งคำสั่งคณะทำงานรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเเละฟื้นฟูชายหาดม่วงงาม

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 คณะทำงานรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและฟื้นฟูสภาพชายหาดม่วงงาม ร่วมประชุมพร้อมกันนัดแรก เพื่อวางแนวทางการถอนเสาเข็มจำนวน 164 ต้น ออกจากชายหาดม่วงงาม ที่ห้องประชุมเลนอก เทศบาลเมืองม่วงงาม อ.สิงหนคร จ.สงขลา นายสังคม เกิดก่อ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานในที่ประชุมพร้อมด้วยตัวแทนจากหน่วยงานราชการ และตัวแทนชาวบ้านม่วงงาม เข้าร่วมประชุมคณะทำงานรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและฟื้นฟูสภาพชายหาดม่วงงาม อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ครั้งที่ 1/2568
โดยที่ประชุมมีการพิจารณาแนวทางการดำเนินงาน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. รูปแบบและปริมาณของงานที่ได้ดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว
2. แนวทางการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ได้ดำเนินการไว้
3. แผนปฏิบัติงานในการรื้อถอนโครงสร้างต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง



ผลการประชุมคณะทำงานรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเเละฟื้นฟูชายหาดม่วงงาม กำหนดให้วันที่ 16 มิถุนายนนี้ เป็นวันเริ่มการรื้อถอนเสาเข็มจำนวน 164 ต้น ที่ฝังอยู่ในชายหาดลึกกว่า 15 เมตร โดยคาดว่าจะใช้เวลารื้อถอนเสาเข็มและฟื้นฟูชายให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับจากวันที่เริ่มการรื้อถอน
โดยจะมีการดำเนินการเปิดหน้าหาดความยาว 10 เมตร(เสา 5 ต้น) ลึก 3.5 เมตร จากนั้นใช้เครื่องจักรดึงหรือโยกเสาเข็มขึ้นออกจากชายหาด หากไม่สามารถดำเนินการถอนได้ทั้งหมด จะตัดเสาเข็มในระยะความลึก 3.5 เมตรเป็นอย่างน้อย


เมื่อดำเนินการรื้อถอนเสร็จในช่วงความยาว 10 เมตร จะกลบทรายกลับเเละปรับสภาพชายหาดสู่สภาพเดิมเเละให้ประชาชนเข้าร่วมตรวจสอบพื้นที่ว่ามีการดำเนินการเรียบร้อยหรือไม่ เเละคืนพื้นที่ชายหาดให้ประชาชนใช้ประโยชน์ โดยคาดว่าจะใช้เวลาทั้งสิ้น 60 วัน
นอกจากนั้น ที่ประชุมมีความเห็นให้ กรมทรัพยากรทางทะเลเเละชายฝั่ง ในฐานะคณะทำงานร่วมติดตามตรวจสอบการเปลี่ยนเเปลงชายฝั่งในมิติต่างๆ ก่อนเเละหลังการรื้อถอน เเละนำเสนอต่อที่ประชุมทราบ
อีกทั้งมติที่ประชุมกำชับให้กรมโยธาธิการเเละผังเมือง ร่วมกับท้องถิ่นประชาสัมพันธ์ เเละชี้เเจงต่อชุมชน เนื่องจากช่วงนี้อยู่ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของพื้นที่ ซึ่งในที่ประชุมเห็นตรงกันในรูปแบบการรื้อถอน การปรับปรุงภูมิทัศน์ให้ใกล้เคียงสภาพธรรมชาติเดิม
พร้อมทั้งให้มีการรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานต่อศาลปกครองสงขลาโดยต่อเนื่อง

หลังจากนี้ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่ากรมโยธาธิการเเละผังเมืองจะดำเนินการรื้อถอนเสาเข็มเเละฟื้นฟูชายหาด ตามมติที่ประชุมหรือไม่ เเละจะมีผลกระทบต่อชายหาดอย่างไรบ้าง
Author

Beach For Life
แหล่งรวบรวมความรู้และข้อมูลที่เกี่ยวกับชายหาด
บทความวันที่ 7 มิถุนายน 2568
แบ่งปันสิ่งนี้

1 พฤศจิกายนนี้ ศาลปกครองสูงสุดจะอ่านคำพิพากษาในคดีเกี่ยวกับการก่อสร้างโครงสร้างป้องกันชายฝั่งหาดคลองวาฬ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดย เทศบาลคลองวาฬเเละกรมเจ้าท่านั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ Beach for life ชวนย้อนอ่านเรื่องราวที่เกิดขึ้น

กรมชลประทาน ได้ดำเนินการได้มีโครงการบริหารจัดการน้ำคาบสมุทรสทิงพระ จังหวัดสงขลา งบประมาณ โครงการดังกล่าวมีการขุดขยายคลองเพื่อการระบายน้ำบริเวณชายหาดซึ่งมีการเปิดหน้าดิน และก่อสร้างกล่องกระชุหิน โดยวางเรียงยื่นตั้งฉากกับแนวชายฝั่งที่น้ำทะเลท่วมถึง การดำเนินโครงการดังกล่าวทำให้มีข้อห่วงกังวลว่าอาจทำให้ชายหาดเปลี่ยนไปอย่างถาวร เเละ โครงการดังกล่าวนั้นอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ท่ามกลางเสียงคัดค้านเรียกร้องจากประชาชน "มะทม" ออกเดินเท้า 45 กิโลเมตรจากบ้านที่เเหลมอ่าวอ่าง พื้นที่ถมทะเลโครงการแลนด์บริดจ์ 6,900 ไร่ Beach for life ชวนสำรวจ 10 เหตุผลทางวิชาการที่ต้องหยุดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชนครั้งที่ 3 ในโครงการท่าเรือเเลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง