
คดีชายหาดคลองวาฬ ศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษาในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 นี้ Beach for life ชวนย้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับชายหาดคลองวาฬและการนำมาสู่การฟ้องคดีปกครองของชุมชนคลองวาฬ
แน่นอนว่า หากวันนี้เราไปเที่ยวหาดคลองวาฬจะเห็นว่าเต็มไปด้วยโครงสร้างป้องกันชายฝั่งมากมาย ทั้งเขื่อนกันทรายและคลื่น(Jetty) กำแพงกันคลื่น และเขื่อนกันคลื่นนอกฝั่ง ซึ่งหากโฟกัสโครงสร้างที่อยู่ในคดีพิพาทนี้ จะมี 2 โครงสร้างหลัก ดังนี้
เมื่อประมาณปี 2547 เทศบาลคลองวาฬ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ดำเนินการก่อสร้างกำแพงกันคลื่น ความยาว 300 เมตร และปรับปรุงสวนสาธารณะ จนชายหาดหายไปและเริ่มเกิดการกัดเซาะชายฝั่งต่อเนื่อง ต่อมาปี 2552 กรมเจ้าท่า ได้ก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นนอกฝั่ง จำนวน 11 ตัว เพื่อการป้องกันชายฝั่ง

การดำเนินการโครงการทั้งสองทำให้ส่งผลกระทบต่อชายหาดคลองวาฬอย่างรุนแรง ชายหาดหายไปและเกิดการกัดเซาะชายฝั่ง กระทบต่อการใช้ประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่ทำให้นำมาสู่การฟ้องคดี “ชายหาดคลองวาฬ” ว่าด้วยการดำเนินการขอองหน่วยงานรัฐที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และ กระทำละเมิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย
การฟ้องคดีของประชาชนเห็นว่า การดำเนินการโครงการนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากการดำเนินโครงการดังกล่าวไม่มีการขออนุญาตตามขั้นตอนทางกฎหมาย กล่าวคือ ไม่ได้ดำเนินการขออนุญาตเจ้าท่าในการดำเนินการก่อสร้างกำแพงกันคลื่นก่อนการดำเนินโครงการ และมีการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ดินสาธารณะจากชายหาดจนกลายเป็นถนน ซึ่งทำให้ลักษณะการใช้ประโยชน์ของประชาชนเปลี่ยนแปลงไป รวมถึงการดำเนินการโครงการดังกล่าวนั้น เป็นการทำละเมิดต่อชุมชนจนทำให้วิถีชีวิต การใช้ประโยชน์ของชุมชนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
และขอให้ศาลมีคำสั่งให้โครงการดังกล่าวนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลมีคำสั่งรื้อถอนโครงสร้างทั้งสองโครงการและฟื้นฟูสภาพชายหาดให้ใกล้เคียงสภาพเดิม และให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูสภาพแวดล้อม

ภายหลังจากากรฟ้องคดี ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2559 ว่า (1) เพิกถอนใบอนุญาตขอเทศบาลคลองวาฬที่อนุญาตให้ปลูกสร้างสิ่งล้ำลำน้ำประเภทเขื่อนกันน้ำกัดเซาะ เพื่อสร้างเขื่อนกันคลื่นและปรับปรุงภูมิทัศน์ และให้ยื่นของเจ้าท่าอื่นภายใน 30 วัน นับแต่คำพิพากษาถึงที่สุด (2) ให้กรมเจ้าท่า ยืนคำขออนุญาตต่อเจ้าท่าอื่นที่มีอำนาจหน้าที่ ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่คำพิพากษาถึงที่สุด และ (3) คำขอนอกจากนี้ให้ยก
หลังจากนี้ต้องจับตาต่อว่าศาลปกครองสูงสุดจะคำพิพากษาออกมาเป็นอย่างไร นี่ถือเป็นคดีที่ 3 ของคดีที่เกี่ยวข้องกับชายหาดและการดำเนินการของรัฐในการป้องกันชายฝั่ง
Author

Beach For Life
แหล่งรวบรวมความรู้และข้อมูลที่เกี่ยวกับชายหาด
บทความวันที่ 30 ตุลาคม 2567
แบ่งปันสิ่งนี้

Beach for life เคยได้นำเสนอเรื่องราว “กำแพงกันคลื่นบนชายหาดแตงโม” บนเกาะสุกร จังหวัดตรังไปแล้วครั้งหนึ่ง เรื่องราวของชายหาดที่ไม่มีการกัดเซาะชายฝั่ง แต่กรมโยธาธิการและผังเมืองกลับไปสร้างกำแพงกันคลื่นจำนวน 3 ระยะ ความยาวรวม 1,703 เมตร มูลค่าโครงการกว่า 135.17 ล้านบาท การเกิดขึ้นของกำแพงกันคลื่นทั้ง 3 ระยะ ทำให้เจ้าของที่ดินริมชายหาด ซึ่งปัจจุบันคือไร่แตงโมริมชายหาดที่มีชื่อเสียงของเกาะสุกร ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อปกป้องชายหาดผืนนั้นจากกำแพงกันคลื่น

ท่ามกลางห้วงเวลาที่มีการอภิปรายพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่กำลังอยู่ในสภาผู้เเทนราษฎรนั้น Beach for life ชวนคลี่เเละส่องงบประมาณเพื่อการป้องกันชายฝั่งในร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 งบกำเเพงกันคลื่นเยอะเเค่ไหนในปีงบประมาณนี้ ?

การกัดเซาะชายฝั่ง เป็นภัยที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติเเละฝีมือของมนุษย์ ประเทศไทยมีชายฝั่ง 3,151 กิโลเมตร เเต่เราไม่เคยรู้เลยว่า ตรงไหนมีความเสี่ยวต่อการกัดเซาะชายฝั่ง บทความนี้จะชวนทุกคนไปทำความเข้าใจ เเผนที่เสี่ยงภัย เเละ การทำเเผนที่เสี่ยงภัยการกัดเซาะชายฝั่งจังหวัดสงขลา ที่ริเริ่มด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน