
สืบเนื่องจากสถานการณ์การกัดเซาะชายฝั่งทะเลในประเทศไทยที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างเนื่อง โดยมีสาเหตุหลัก 2 ประการ คือ ภัยทางธรรมชาติ และ การคุกคามจากมนุษย์ การกัดเซาะชายฝั่งในประเทศไทย ปัจจุบันสาเหตุหลักมาจากการแทรกแซงกระบวนการทางธรรมชาติของหาดทราย ด้วยโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเล และ การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ที่ไม่คำนึงถึงระบบธรรมชาติของทะเล ส่งผลให้หาดทรายเกิดการกัดเซาะชายฝั่งอย่างรุนแรงต่อเนื่อง
เมื่อพิจารณาแล้ว ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งที่กล่าวมานั้น มีต้นตอของปัญหาจากการดำเนินนโยบายของภาครัฐในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง โดยมีปัญหาเชิงนโยบายที่เห็นได้อย่างประจักษ์ชัดเจน ดังนี้
- การเพิกถอนกำแพงกันคลื่นออกจากโครงการที่ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment – EIA) ทำให้เกิดการระบาดของกำแพงกันคลื่นในหลายพื้นที่ชายหาด จากข้อมูลที่มีการรวบรวมมาพบว่า ตั้งแต่ปี 2556 – 2562 หลังการเพิกถอนกำแพงกันคลื่นออกจากโครงการที่ต้องทำ EIA มีโครงการกำแพงกันคลื่นทั้งหมด 74 โครงการ ระยะทางรวม 34.875 กิโลเมตรตลอดแนวชายฝั่ง งบประมาณรวม 6,967,853,620 บาท การเพิกถอนกำแพงกันคลื่นออกจากโครงการที่ต้องทำ EIA เป็นการทำลายหลักประกันสิทธิตามรัฐธรรมนูญ และทำให้เกิดกรณีพิพาทระหว่างรัฐกับประชาชนต่อการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งจนเป็นคดีความ ไม่น้อยกว่า 3 คดี ได้แก่ คดีอ่าวน้อย คดีหาดม่วงงาม และคดีหาด มหาราช ซึ่งคดีเหล่านี้ล้วนมีมูลเหตุสำคัญมาจากการเพิกถอนกำแพงกันคลื่นออกจากโครงการที่ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
- การที่รัฐไม่ส่งเสริมความรู้ในการจัดการชายฝั่ง และกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อการจัดการทรัพยากรชายหาด เพื่อให้ชุมชนได้มีความรู้ และร่วมกำหนดเจตจำนงของตนในการจัดการทรัพยากรชายหาดอย่างแท้จริง
- การกำหนดมาตรการที่ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของพื้นที่ เช่น การกัดเซาะชายฝั่งเพียงชั่วคราว ในช่วงมรสุม แต่รัฐเลือกดำเนินมาตรการถาวร เช่น กำแพงกันคลื่น ในพื้นที่ชายหาดที่มีการกัดเซาะชายฝั่ง ระยะสั้น
- การที่รัฐไม่สนับสนุนและผลักดัน มาตรการอื่น ๆ ซึ่งเป็นมาตรการในการฟื้นฟูชายฝั่ง ปรับสมดุลให้แก่ธรรมชาติ เช่น การเติมทราย การถ่ายเททรายข้ามร่องน้ำ การกำหนดแนวถอยร่น การกำหนดเขตการใช้ประโยชน์เพื่อคุ้มครองชายฝั่ง เป็นต้น รวมถึงการรื้อถอนโครงสร้างที่ไม่จำเป็นเพื่อให้ชายฝั่งได้ฟื้นฟูสภาพ ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และมีการติดตามผลของมาตรการเหล่านี้อย่างชัดเจน
- ปัญหาอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่ทับซ้อนกันในการแก้ไขปัญหา ทำให้หลายพื้นที่ชายหาดมีมาตรการป้องกันชายฝั่งที่ทับซ้อนกัน เกิดความไม่เป็นเอกภาพ และไม่มีการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงาน
ปัญหาเชิงโครงสร้างและนโยบายที่กล่าวมานี้ คือ ต้นตอของปัญหาที่ก่อให้การกัดเซาะชายฝั่งในพื้นที่ชายฝั่งของประเทศไทย เครือข่ายภาคประชาชนและนักวิชาการที่ได้ติดตามการแก้ไขปัญหาดังกล่าว มีความเห็นร่วมกันว่า เพื่อการฟื้นฟู แก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลของประเทศไทยอย่างยั่งยืน รัฐต้องเร่งดำเนินการตามข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้
- เรียกร้องให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พิจารณาทบทวนการนำเอาโครงการหรือกิจการประเภท กำแพงคลื่น กลับเข้าไปเป็นโครงการที่ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment – EIA) เพื่อเป็นหลักประกันสิทธิตามรัฐธรรมนูญให้แก่ประชาชน และเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากโครงการกำแพงกันคลื่นต่อสิ่งแวดล้อม และชุมชนชายฝั่ง
- รัฐต้องผลักดันให้เกิดการใช้มาตรการชั่วคราว ที่สามารถรื้อถอนได้เมื่อผ่านมรสุมไปแล้ว อย่างที่ปรากฏชัดเจนในหลายพื้นที่ชายหาดของประเทศไทยว่า การกัดเซาะชายฝั่งในหลายพื้นที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว การใช้มาตรการชั่วคราว ที่เหมาะสมกับสภาพการณ์และสิ่งแวดล้อม จึงเป็นทางออกที่เหมาะสมเพื่อการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งอย่างยั่งยืน
- รัฐต้องส่งเสริม และผลักดันให้มีการใช้มาตรการที่เป็นมิตรกับชายหาด เช่น การเติมทราย การกำหนดแนวถอยร่น การรื้อถอนโครงสร้างป้องกันชายฝั่งที่ไม่จำเป็น เพื่อให้หาดทรายได้ฟื้นคืนสมดุลชายฝั่ง โดยที่มาตรการเหล่านี้เป็นมาตรการที่ก่อให้เกิดความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรชายฝั่ง
- เพื่อให้ประชาชนและชุมชนชายฝั่งสามารถกำหนดเจตจำนงตนเองในการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชายหาดอย่างสมดุลและยั่งยืน การส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับชายหาด สิทธิชุมชน และการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการ บำรุงรักษาทรัพยากรชายหาด จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐต้องดำเนินการ ด้วยปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกพื้นที่ชายฝั่งล้วนมีประชาชน และชุมชนชายฝั่งที่อิงอาศัยใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
- ต้องสร้างกลไกระดับจังหวัด และระดับนโยบายที่บูรณาการหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ในการกำหนดนโยบายและกลั่นกรองโครงการต่างๆของภาครัฐ และให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการกำหนดนโยบายเพื่อการจัดการ บำรุงรักษา ตลอดจนใช้ประโยชน์ชายหาด เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพในการบริหารจัดการ ฟื้นฟู และแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง
ทั้ง 5 ข้อเรียกร้องนี้ เป็นทางออกเพื่อการหยุดยั้งวิกฤตการกัดเซาะชายฝั่งในประเทศไทย ซึ่งเป็นผลพวงจากการดำเนินนโยบายของรัฐ เครือข่ายภาคประชาชน และนักวิชาการ จำนวน 63 องค์กร ขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกระดับร่วมกันหารือ และพิจารณาข้อเสนอดังกล่าวโดยด่วน เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง และการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน
เเถลงการณ์เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2563
ในงานเสวนา “ทางออกการเเก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ระดับนโยบาย”
ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ลงชื่อเครือข่ายประชาชน กลุ่มองค์กรภาคประชาสังคม และนักวิชาการ
- กลุ่ม Beach for life
- มูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน
- กลุ่มสองล้อรักษ์ชายหาด จังหวัดสตูล
- เครือข่ายประชาชนรักษ์หาดม่วงงาม (Saveหาดม่วงงาม) จังหวัดสงขลา
- เครือข่ายเทใจให้เทพา
- กลุ่มเด็กรักหาดสวนกง
- กลุ่มเยาวชนรักษ์หาดบางเก่า จังหวัดปัตตานี
- กลุ่มเยาวชนรักษ์หาดตาโล๊ะกาโปร์ จังหวัดปัตตานี
- เครือข่ายพลเมืองสงขลาติดตามสภาพชายหาด
- เครือข่ายประชาชนรักษ์หาดมหาราช จังหวัดสงขลา
- สมาคมรักษ์ทะเลจะนะ
- กลุ่มเยาวชนรักษ์หาดบางหลิง
- ห้องทดลองนักกิจกรรม( Act Lab)
- สงขลาฟอรั่ม
- ขบวนการอีสานใหม่
- กลุ่มนักกฎหมายอาสา Law Long Beach
- คณะก้าวหน้า จังหวัดสงขลา
- กรีนพีซ แห่งประเทศไทย
- เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น
- มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม
- อาจารย์ธีรวัฒน์ ขวัญใจ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
- มูลนิธิสื่อชาวบ้าน(มะขามป้อม)
- เครือข่ายเขียนอนาคตประเทศไทย
- เครือข่ายพื้นที่นี้ดีจัง
- เครือข่าย SparkU ใต้ใช่เลย
- สมาคมพิทักษ์สิทธิชุมชนเขาคูหา
- เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก ภาคใต้
- เครือข่ายบัณฑิตปาตานี(Patani Graduate Network)
- ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า
- วิศรุต เหล็มหมาด
- ณัฐธิดา สุขี
- ปพิชญา นวนแดง
- ชนัตตา บิลม่าหลี
- ณัฐกุล แสงเงิน
- สมปรารถนา ฤทธิ์พริ้ง อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- กลุ่ม EEC Watch
- สมาคมประมงพื้นบ้านจังหวัดชลบุรี
- เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) จังหวัดชลบุรี
- เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนตำบล จังหวัดชลบุรี
- กลุ่มโกงกาง
- มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW)
- กลุ่มพะยอมเก๋า ม.รังสิต
- ศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อสังคมนิยมประชาธิปไตย (YPD)
- กลุ่มประชาธิปไตยไทบ้าน
- ภาคีนักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ
- สมาคมคนรุ่นใหม่กับนวัตกรรมทางสังคม
48 กลุ่มสะพานดาว ม.เกษตรศรีราชา - กลุ่มสิงห์ภูพานเสรี
- กลุ่ม Landers-แลนเด้อ
- ราษฎรใต้
- กลุ่มเด็กเปรต
- กลุ่ม Trang against dictatorship – TAD
- กลุ่มนิสิตเพื่อประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยทักษิณ
- กลุ่มกระบี่ไม่ทน
- กลุ่มปันรัก
- มหาวิทยาลัยชาวบ้านลานหอยเสียบ
- อารยา สุขสม อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา
- ธัญภา ยิ้มบุญลือ นักศึกษา
- วัชรีภรณ์ เกริกไกรศรี
- นวพร สุขเกษม นักศึกษา
- เมธาวี เกิดชูชื่น
- นิจนิรันดร์ อวะภาค นักวิชาการอิสระ
- สหกรณ์ประมงพื้นบ้านชุมชนบาลาเซาะห์เก้าเเสน
- เครือข่ายประชาชนจังหวัดชายเเดนใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติภาพ-permatamas

